วันพุธที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

เมื่อคุณงามความดีเป็นปฏิปักษ์กับเงินตราคุณว่าจริงหรือไม่

ประเด็นหัวข้อที่ตั้งขึ้นวันนี้ เพื่อที่จะชี้ให้นักศึกษาที่ผมสอนอยู่ในปัจจุบันนี้ (ซึ่งในห้องเรียนจะไม่ค่อยได้สอดแทรกลงไป ขอถือโอกาสนี้แนะนำแนวทางที่ควรดำเนินชีวิตในอนาคตต่อไป) ถ้าท่านผู้อ่านที่ไม่ได้เป็นนักศึกษาของกระผมเข้ามาอ่านก็ยินดีรับฟังข้อคิดเห็น ท่านอาจจะไม่เห็นด้วยกับข้อคิดเห็นของกระผมก็ได้ โปรดเขียนในช่องความคิดเห็น มาบอกเล่ากันได้

ตามที่ผมได้ตั้งข้อสังเกตุว่า "เมื่อคุณงามความดีเป็นปฏิปักษ์กับเงินตราคุณว่าจริงหรือไม่" หรือความหมายอีกนัยหนึ่งว่า คนเราถ้าจะเลือกเอาความร่ำรวย มั่งมีศรีสุข ก็จงอย่าหวังว่าจะเป็นคนดีได้ 100% ผมมีเหตุผลของผมหลายประเด็นดังนี้

ด้วยสภาวะสังคมเศรษฐกิจทุนนิยมสามานย์ในปัจจุบัน เราจะเห็นว่าใครมีเงินทองร่ำรวย มหาศาล เขาร่ำรวยมาจากสิ่งใด ถ้าเขาไม่ได้ร่ำรวยมาจากการเบียดเบียนผู้อื่น หรือไม่ก็ร่ำรวยมาจากการค้ากำไรเกินควร ไร้จริยธรรม หรือไม่ก็ร่ำรวยมาจากการออกกฏกติกาให้ตัวเองได้เปรียบ หรือไม่ก็มาจากผูกขาด หรือไม่ก็มาจากสัมปทานจากรัฐเพียงเจ้าเดียว หรือการอ้างเอาระบบทุนนิยม หรืออ้างประชาธิปไตย แต่จริง ๆ แล้วพวกเขาเหล่านั้นล้วนแต่มีพฤติกรรมเอาเปรียบผู้อื่นทั้งสิ้น ยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้เราเริ่มสังเกตุจากบุคคลรอบ ๆ ข้างของเรา ชุมชนใกล้เรา แล้วมองกว้าง ๆ ไปที่ทุก ๆ อย่างที่เรารับรู้ได้ ขอให้พวกเราใช้ความคิดให้รอบด้าน ที่ผมจะยกตัวอย่างให้เห็นชัด ๆ เริ่มจากภายในชุมชน มีพ่อค้าเงินกู้ พ่อค้าเงินกู้นอกระบบจะโฆษณาให้ไปใช้บริการ เช่นนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ไปจำนำ โดยคิดดอกเบี้ยแพงกว่ากฎหมายกำหนด ใครที่กู้เงินเขา ต้องทำงานหนักทั้งเดือนเพื่อจ่ายดอกเบี้ยให้พ่อค้าเงินกู้ อย่างนี้เขาเรียกว่าหากินกับคนยากจน ไม่ต้องทำมาหากินอะไรมีแต่รวยกับรวย ตัวอย่างต่อไปที่เห็นชัด ๆ นั่นคือ ร้านเกมคอมพิวเตอร์ ที่อ้างว่าบริการอินเทอร์เน็ตเพื่อให้เกิดความรู้ ความทันสมัย แต่ร้อยทั้งร้อยร้าน รายได้หลักมาจากการให้บริการหลอกเด็กให้เล่นเกม ผู้ปกครองหรือพ่อแม่เด็กต่างเดือดร้อนกับร้านเกมแบบนี้กันมาก ถ้าเจ้าของร้านมีความรับผิดชอบ มีคุณธรรมจริยธรรมคงไม่บริการเด็ก ๆ ให้เล่นเกมแต่จะสอนให้เด็กค้นหาความรู้จากอินเทอร์เน็ต และถ้าไม่บริการเด็กก็จะไม่รู้จะได้กำไรจากอะไร ผู้ปกครอง พ่อแม่ต่างก็ได้รับข่าวทางทีวี หรือหนังสือพิมพ์อยู่บ่อย ๆ ว่ามีการหลอกลวง เด็กเล่นแล้วต่างก็ติดงอมแงมถึงขั้นหนีเรียน ที่เป็นข่าวถึงขั้นเลียนแบบตัวละครในเกมที่ไปปล้นฆ่าแท็กซี่ที่ กทม. พ่อแม่ผู้ปกครองต่างก็หวังพึ่งให้รัฐบาลประกาศใช้กฏหมายกับเกมเหล่านี้ รวมทั้งจัดการกับร้านที่บริการเด็ก ๆ ด้วย แต่รัฐบาลไม่คิดแม้แต่จะดำเนินการใด ๆ (ขอตั้งข้อสงสัยว่า มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอยู่ในรัฐบาลนี้ด้วยกระมัง) นี่คือตัวอย่างของระบบทุนนิยมสามานย์ ที่ใครคิดจะทำอะไรก็ได้ ขอให้ร่ำรวยก็พอ สังคมจะเป็นอย่างไรก็ช่างมันประไร

จะขอยกตัวอย่างในทางการเมืองบ้าง พวกเราจะเห็นกันชัดเจนแล้วว่า คนที่ตั้งใจจะทำความดีด้วย แต่ยังหวังว่าจะร่ำรวยล้นฟ้าด้วยนั้น ไม่สามารถอยู่ในประเทศได้ (แต่คนที่ซ้ายจัดเขาว่ากันว่า เป็นความดีที่ต้องการเสแสร้ง หลอกลวงให้ผู้คนหลงเชื่อมากกว่าจะเป็นคนดีจริง)ตอนนี้มีนักการเมืองอยู่ถึง 3 คน คนแรกเป็นนักการเมืองท้องถิ่นภาคตะวันออก อีกคนเป็นนักการเมืองปากน้ำ คนสุดท้ายเป็นอดีตผู้นำรัฐบาล ทั้ง 3 ต่างก็อยากเป็นคนดี (คนดีตามนิยามของเขา) และร่ำรวยด้วย ปกติการขยันทำมาหากินเพื่อให้ร่ำรวยนั้น ตามหลักศาสนาทุกศาสนาต่างก็สนับสนุนเห็นดีด้วย แต่ถ้าขยันแบบนั้นมันเหนื่อยและช้ากว่าจะร่ำรวยได้ อย่ากระนั้นเลย ควรหาทางร่ำรวยทางลัดดีกว่า คอรัปชั่นมันเลยดีกว่า มีคนรู้ทันก็ไม่เป็นไร หน้าด้านซะอย่าง แบบนั้นมันคลาสิก เหมาะสำหรับนักการเมืองโบราณ แต่คอรัปชั่นเชิงนโยบายนั้นสุดยอดกว่ารับประกันว่าคนที่รู้ทันนั้นต้องระดับปัญญาชน แถมหลอกพวกรากหญ้าได้ด้วย นี้คือวิธีคิดเอาเปรียบของนักการเมือง เอาเปรียบประชาชน ไร้คุณธรรม หาทางกอบโกยเอาเงินของประเทศชาติมาเป็นของตนเอง หลงยึดติดอยู่กับกิเลส เงินตรา อำนาจคำสรรเสริญเยินยอจากผู้ใกล้ชิดอันจอมปลอม

พวกเราเป็นนักเรียน นักศึกษา ผมอยากให้พวกเรารู้เท่าทันบุคคลประเภทนี้ และพึงหลีกเลี่ยงที่จะคบหา หรือเชิดชูคนเหล่านี้ และควรประนามออกมาจากใจโดยการพูด การเขียนให้เขาสำนึก และอยากฝากไปถึงนักศึกษาด้วยว่า เมื่อพวกเธอไปทำงาน หรือทำกิจการใดๆ ก็อย่าได้คิดเอาเปรียบผู้อื่นในทุกกรณี จงมีความสุขกับการได้อยู่อย่างพอเพียง จงมีความสุขเมื่อลูกค้าได้รับการบริการที่ดีจากเรา พึงระลึกเสมอว่า ความสุขอยู่ที่ใจ ไม่ใช่อยู่ที่เงินตรา อย่ายึดติดอยู่กับวัตถุนิยม อย่าหลงคำชม และที่สำคัญต้องมีสติเตือนจิตอยู่ทุกขณะว่า เราจะเป็นคนดี เราไม่มีสิทธิที่จะกระทำในสิ่งที่ไม่ดีตลอดชีวิต สติจงอยู่กับเจ้าตลอดไป สาธุ