เมื่อวันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม 2551 มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลาได้เชิญให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินมาเป็นวิทยากรมาประชุมเชิงปฏิบัติการ การกำหนดมาตรฐานการควบคุมภายใน โดยวิทยากรจะพูดประเด็นหลัก ๆ ในประเด็นความเสี่ยงต่าง ๆ ในการดำเนินงานได้แก่ การประเมินความเสี่ยง การวัดค่าความเสี่ยง การวิเคราะห์ผลกระทบของความเสี่ยง การบริหารความเสี่ยง ในประเด็นความเสี่ยงวิทยากรได้พูดถึง การทุจริตประเภทต่าง ๆ ทั้งแบบตั้งใจ และแบบเข้าใจผิด ประมาทเลินเล่อ หรือโดยไม่ได้ตั้งใจ และมีประเด็นเกี่ยวกับกิจกรรมการควบคุม และสารสนเทศและการสื่อสาร ประเด็นนี้ทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมา ว่าจะเขียนเสนอแนะถึง สตง. ซึ่งผมคิดไว้นานแล้วแต่ไม่ได้เขียนในบล็อก วันนี้จึงขออนุญาตมาเขียนเสนอแนะไปยัง สตง. ในเรื่องการตรวจสอบจากประชาชน หรือองค์กรภายนอกไปสู่ สตง. เพื่อลดภาระงานของ สตง.
ประเด็นที่จะเสนอแนะ คือ ให้ออกกฎหมาย หรือระเบียบควบคุมให้หน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจทุกแห่งเผยแพร่ ใบเสร็จรับเงิน ใบสำคัญรับเงิน รายรับ รายจ่ายทุกชนิดขึ้นไปเผยแพร่ที่เว็บไซต์ของหน่วยงานนั้น ๆ เพื่อประชาชน หรือองค์กรได้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ซึ่งจัดเป็นการตรวจสอบจากภายนอก ที่คิดว่าน่าจะได้ผลที่สุด
ที่มาของข้อเสนอแนะในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากผมได้อ่านข่าว และการให้สัมภาษณ์จาก นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหาที่มีผลงานการตรวจสอบนักการเมือง ระดับนายกรัฐมนตรีถึง 3 คนต้องมีอันให้หลุดพ้นจากตำแหน่ง เช่น การตรวจสอบการจัดทำรายการทีวีรายการ ชิมไปบ่นไป กับรายการยกโขยงหกโมงเช้า หรือกรณีของนายกทักษิณ และกรณีลูกสาวนายกสมชาย กรณีแจ้งทรัพย์สินเป็นเท็จ
จากการให้สัมภาษณ์ถึงที่มาของหลักฐานความผิดต่าง ๆ ที่นายเรืองไกรได้มา เขาบอกว่า ได้จากการสืบค้นจากอินเทอร์เน็ตทั้งหมด จะเห็นว่า ผลของการเผยแพร่ข่าวสาร หรือสิ่งต่าง ๆไว้บนเว็บไซต์จะเป็นประโยชน์สูงสุดในการตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริง ข้อมูลการทุจริต การไหลของเงิน โดยกระบวนการตรวจสอบจะเป็นหน้าที่ของประชาชนคนไทยทุกคน สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้ ต่อไปคนที่คิดจะทุจริตคงต้องระมัดระวังกันมากขึ้น จนเลิกที่จะคิดทุจริต ประเทศไทยก็จะมีแต่ผู้ทำงานอย่างสุจริต ได้เป็นผู้บริหาร เป็นนายกรัฐมนตรี ประชาชนมั่งมีศรีสุข ชุมชนเข้มแข็ง อะไร ๆ ก็จะดีขึ้น
วันจันทร์ที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
วันศุกร์ที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
การเป็นผู้บริหาร
ในช่วงวันที่ 20-24 ต.ค. 2551 ผมได้เข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการการบริหารจัดการอุดมศึกษา ที่มหาวิทยาลัยจัดขึ้นหลังจากจัดการสอบปลายภาคเสร็จ หลังจากอบรมเสร็จ มหาวิทยาลัยฯ ก็เปิดเรียนทันที ทำให้ภาคเรียนนี้ไม่ได้มีเวลาทำงานอย่างอื่นเลย
สำหรับการอบรมทั้ง 5 วันมีวิทยากรระดับชั้นนำของประเทศมาให้ความรู้ เช่น
ความสำเร็จ ความล้มเหลวของการเป็นผู้บริหารของแต่ละคนขึ้นอยู่กับคุณลักษณะ ๑๕ ประการที่แต่ละคนได้สร้างสมไว้ จะมีมากน้อยแตกต่างกันไป
สำหรับการอบรมทั้ง 5 วันมีวิทยากรระดับชั้นนำของประเทศมาให้ความรู้ เช่น
- ดร.สุชาติ เมืองแก้ว บรรยายเรื่องการบริหารจัดการอุดมศึกษา
- ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ บรรยายเรื่องทิศทางการอุดมศึกษาในยุคโลกาภิวัฒน์ และการวางแผนกลยุทธ์
- ดร.มานิต บุญประเสริฐ บรรยายเรื่องคุณธรรม จริยธรรมสำหรับผู้บริหาร และภาวะผู้นำเพื่อการเปลี่ยนแปลงในระดับอุดมศึกษา
- รศ.ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน บรรยายเรื่อง การบริหารการเงินและรายได้อุดมศึกษา
- ศ.ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ บรรยายเรื่อง การประกันคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษา
- ผศ.ดร.ไพโรจน์ ด้วงวิเศษ อธิการบดี มาเล่าประสบการณ์และแนวคิดในการเป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏ
ความสำเร็จ ความล้มเหลวของการเป็นผู้บริหารของแต่ละคนขึ้นอยู่กับคุณลักษณะ ๑๕ ประการที่แต่ละคนได้สร้างสมไว้ จะมีมากน้อยแตกต่างกันไป
- คนประเทศนี้ มีลักษณะความเป็นผู้นำ ชอบนำคนอื่น ชอบเป็นหัวแถว มากกว่าเป็นหางแถว
- คนประเภทนี้ ชอบเสี่ยง ชอบท้าทาย ชอบทำงานที่ยาก ๆ ยิ่งรู้ว่าต้องเสี่ยงแต่ก็อยากทำอย่างเสี่ยง
- คนประเภทนี้ ถือว่า การทำงานหนักคือดอกไม้ของชีวิต พวกนี้ไม่กลัวงานหนัก มีความสุขอยู่กับการทำงานหนัก มีโรคอึดสูง
- คนประเภทนี้ อยากรู้อยากเห็นและอยากลอง ไม่อยากอยู่หางแถว ปลายแถว อยากรู้อยากลอง เสนอให้คนที่มีอำนาจเขาก็ไม่เอาด้วย เป็นคนอนุมัติเสียเองก็จะได้ทำสมอยาก
- คนประเภทนี้ มีความคิดแปลก ๆ ใหม่ ๆ อยากทำในสิ่งที่ตนคิด การเป็นผู้บริหารสามารถนำความคิดมาปฏิบัติได้ง่ายกว่า
- คนประเภทนี้ ชอบบริการ ชอบรับใช้ช่วยเหลือผู้อื่น มีความคิดความเชื่อว่า การเป็นผู้บริหารนั้นแท้ที่จริงคือ ผู้บริการ ผู้รับใช้ คนอื่น
- คนประเภทนี้ ชอบอำนาจ เพราะอำนาจนำมาซึ่งสิ่งที่ตนอยากทำทั้งเพื่อตนเอง หรือเพื่อองค์กร เพื่อผู้อื่น
- คนประเภทนี้ ชอบเป็นผู้ชนะ เกลียดการเป็นผู้แพ้ มักจะเอาชนะปัญหาอุปสรรค หรือแม้แต่เอาชนะคนอื่น
- คนประเภทนี้ มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์สูง อยากทำอะไรให้สำเร็จ มุมานะและวิริยะแรงกล้า มี ลูกฮึดสูง
- คนประเภทนี้ มีจิตมุ่งมั่นที่จะพัฒนา เห็นอะไรที่ไม่ถูกต้องเห็นอะไรที่ไม่ดี ทนไม่ได้ อยากทำให้ได้ ทำให้ดี ต้องทำให้ได้ทำให้สำเร็จ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ไม่ได้ต้องได้
- คนประเภทนี้ มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง เชื่อในศักยภาพของตน เชื่อในอำนาจภายในของตน คนมีความเชื่อมั่นในตนเองสูง บางครั้งก็กลายเป็นคน ดื้อ
- คนประเภทนี้ มีจิตสาธารณะ มีจิตสำนึกต่อส่วนรวมสูง ชอบทำงานเพื่อคนอื่น เพื่อองค์การ เพื่อส่วนรวม
- คนประเภทนี้ ชอบเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ มีความสูขอยู่กับการให้ ชอบร้องเพลง พี่มีแต่ให้ ให้จนเกษียณแล้วก็ยังอาศัยบ้านแม่ยายอยู่
- คนประเภทนี้ เป็นผู้มีจิตกุศลสูง ชอบช่วยเหลือคนอื่น ทนไม่ได้ที่จะเห็นคนอื่นมีทุกข์ เดือดร้อน มีปัญหา
- คนประเภทนี้ ถือว่า งานคือชีวิต ชีวิตคืองาน บันดาลสุข มีความสุขอยู่กับการทำงาน
- ข้อที่ ๑ มีลักษณะความเป็นผู้นำ ชอบนำคนอื่น ผมมีความเห็นว่าควรใช้คำว่า ภาวะผู้นำ มากกว่า เพราะความเป็นผู้นำอาจจะเป็นบุคคลทั่วๆ ไปสามารถมีความเป็นผู้นำได้ เช่น หัวหน้าโจร หัวหน้าแก๊งชิงทรัพย์ รีดไถ แต่ภาวะผู้นำนั้น มาจากการได้รับฉันทามติ หรือจากกฏหมายให้เป็นผู้นำจึงเกิด ภาวะผู้นำ
- ข้อที่ ๘ ชอบเอาชนะ เกลียดการแพ้ ผมมีความเห็นว่าบางครั้งการแพ้บ้างเพื่อเป็นกระจกส่องหลัง หรือเป็นเหมือนเบรคของรถยนต์ ลดความแรง ให้เราได้รู้ตนเองบ้าง แล้วจึงค่อยมาพยายามใหม่ แต่ที่น่ากลัวคือการไม่รู้จักมีน้ำใจนักกีฬา เอาชนะกันโดยไม่ใช้กติกา ดังเช่นในแวดวงการเมืองในยุคปัจจุบัน
- ข้อที่ ๑๑ เชื่อมั่นในตนเองสูง หรือ ดื้อ ผมคิดว่า น่ากลัวกว่าข้ออื่น ๆ กลัวไม่เป็นประชาธิปไตย กลัวบริหารแบบ CEO ในยุครัฐบาลทักษิณ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)